อหิงสธรรม

อหิงสธรรม

ผู้แต่ง: กัญญา พาณิชย์กุล · กัญญา ลีลาลัย · ฤดี เริงชัย

คนอย่างมหาตมะ คานธี
จะพบมีในไทยหรือไม่หนอ
คือเข้าถึงสัตยาอย่างเพียงพอ
จนกอบก่ออหิงสธรรมนำฤทัย
“สัตยาเคราะห์” เพราะมากแต่ยากยิ่ง
ต้องเข้าถึงความจริงกว่าครวญใคร่
ต้องบรรลุสัจจะที่มีในใจ
ต้องเริ่มในใจเราเข้าถึงธรรม
เกิดดอกไม้สันติธรรมอมฤต
ด้วยเข้าใจในชีวิตทั้งสูงต่ำ
สายสัมพันธ์แสนล้านสายอันร่ายรำ
งดงามล้ำจนรักรินล้นอุรา
เป็นเมตตาเป็นหวังดีที่สะพรั่ง
เป็นพลังเงียบและง่ายไม่หวือหวา
ความรู้สึกเปี่ยมประจุกรุณา
เกิดจากแสงแห่งสัจจาทาทาบใจ

ความรุนแรงเชิงโครงสร้างไม่ต่างนี้
คือแบ่งชั้นกั้นวิถีคนทั้งผอง
จนสังคมขาดธรรมนำครรลอง
จึงเกลื่อนกล่นความหม่นหมองนองน้ำตา
คนส่วนน้อยสูงเลอฟ้าน่าตระหนก
คนส่วนใหญ่ตกนรกชวนผวา
คนกลางกลางอยากไต่ไปในเมฆา
ส่วนโลกหล้าหาน้อยคนสนใจจริง
โลกของคนจนจนที่ทนทุกข์
ถ้าช่วยกันปลอบปลุกย่อมเย็นยิ่ง
โลกของคนธรรมดาถ้าเอื้ออิง
จะเถิดสิ่งสุขแสนกว่าแดนใด
โลกของชาวสวรรค์นั้นน่าเบื่อ
ความล้นเหลือหลายหลากมากไฉน
แต่ยิ่งมากยิ่งพรากจากพอใจ
เพียงพิไลเด่นเดี่ยวแต่เดียวดาย

ภายใต้ความรุนแรงแห่งโครงสร้าง
ย่อมเกิดความอ้างว้างไม่ห่างหาย
ย่อมก่อความกดดันอันมากมาย
ย่อมทำร้ายองค์รวมของสังคม
วัฒนธรรมความรุนแรงยังแต่งแต้ม
คอยสอดแซมพฤติกรรมซ้ำเพาะบ่ม
ต่อปัจเจกจะประนอมและจ่อมจม
ติดในหล่มตัวตนพ้นประมาณ
ต่อสังคมจะคับข้องด้วยหมองหม่น
เพราะเกลื่อนกล่นด้วยปัญหามหาศาล
เกิดอึดอัดขัดประโยชน์โทษบันดาล
ความต้องการแตกต่างจนหมางเมิน
สันติภาพจากสงครามคือความเขลา
คือความเศร้าหลังรบสงบเผิน
ฝ่ายชนะลำพองจองหองเพลิน
ฝ่ายแพ้เกินกลืนกล้ำระกำใจ

สันติธรรมจึงใช่เพียงสันติภาพ
ใช่สงบหลังเลือดอาบเพื่อรบใหม่
สันติธรรมใช่วิธีเพื่อมีชัย
สันติธรรมคือหทัยอันใสงาม
สันติธรรมคือฐานธรรมนำอหิงส์
เป็นความนิ่งเป็นความกล้าเดินฝ่าข้าม
เป็นความรักการุณราวแก้ววาววาม
ใช่ความเกลียดความเหยียดหยามตามเกมผจญ
สันติธรรมนำให้เราเข้าใจมนุษย์
ให้เราหยุดประทุษร้ายในทุกหน
โดยเริ่มหยุดความรุนแรงแห่งสกล
ณ จุดแรกที่กมลของตัวเรา
ถ้าจะสู้ก็สู้แต่แค่กิเลส
ซึ่งก่อเหตุลุกลามจากความเขลา
กิเลสนี้มีทั่วไปใช่แต่เรา
คิดบรรเทากิเลสนี้ย่อมมีทาง

อหิงสาคือทางอันสร้างสรรค์
คือหลักธรรมอัศจรรย์ซึ่งสรรค์สร้าง
คือขันติโสรัจจะและละวาง
การก้าวย่างด้วยสงบจบเบียดเบียน
อหิงสานั้นเน้นที่เป็นธรรม
จึงสลายสูงหรือต่ำทำใจเปลี่ยน
มนุษยธรรมนำใจให้รู้เรียน
เลิกวนเวียนอยู่กับผลของตนเอง
อหิงสาต้องพาใจให้สูงส่ง
เลิกลุ่มหลงหรือนิยมการข่มเหง
ต้องช่วยให้ใจแน่นหนักแบบนักเลง
แต่ค้อมหัวกลัวเกรงละอายธรรม
อหิงสธรรมของคานธีที่ฉันรู้
คือการสู้เบิกหนทางอย่างคมขำ
ด้วยอดกลั้นอดทนทนระกำ
แม้ชอกช้ำไม่แพ้ใจในตนเอง

จึงผงาดลุกยืนขึ้นเป็นตับ
อย่างเนื่องนับสามารถล้มผู้ข่มเหง
เขาปรามปราบราบล้มเลือดละเลง
แต่บทเพลงสันติธรรมกลับกำจาย
อหิงสาจึงเป็น “ใจ”ไม่ใช่เกม
ใจที่เอมอิ่มการุณกรุ่นไม่หาย
ใจที่ตรงไม่สนสับไม่กลับกลาย
ใจที่งามและเรียบง่ายมีพลัง
อหิงสธรรมของไทยในวันนี้
พินิจดูในวิถียังมีหวัง
เพียงแต่คนขาดสนใจอย่างจริงจัง
แค่ปึงปังหยิบมาใช้เป็นครั้งคราว
ยังขาดการศึกษาและเผยแพร่
จึงมีแต่เรื่องสงบและทบท่าว
เมื่อสำแดงพลังกันเกรียวกราว
คิดว่าเพียงใสขาวเท่านั้นพอ

หากไม่เตรียมอหิงสธรรมให้ล้ำลึก
ยามพบเรื่องไม่อยากนึกนั่นแหละหนอ
สติอาจขาดไปจากใจคอ
ยามปืนจ่อก่อแต่ศพออกทบไป
หากไม่ตระเตรียมใจให้คงมั่น
ก็ยากจะประจัญไม่หวั่นไหว
ยากจะรักษาธรรมประจำใจ
ความแค้นคับจะโชนในไฟกระพือ
อหิงสธรรมจึงอยู่ที่วิถีชีวิต
อยู่ในจิตผ่องใสไม่ยึดถือ
ในศีลธรรมในสมองและสองมือ
ในความซื่อในความดีที่คงทน

27 กุมภาพันธ์ 2549

บันทึกท้ายบท

กลอนบทนี้เขียนก่อนพลตรีจำลอง ศรีเมือง จะประกาศเข้าร่วมการชุมนุมกดดันให้นายกทักษิณลาออก มาเขียนต่อตอนสันติอโศกถูกวางระเบิด แล้วค้างไว้อีก ช่วงนี้รับโทรศัพท์บ่อยๆ มักมีเพื่อนชวนไปร่วมชุมนุม ก็ชี้แจงจุดยืนของตนเองไปว่าการชุมนุมโดยสันติเป็นสิทธิทางการเมืองที่ต้องได้รับการคุ้มครอง แต่ดิฉันไม่ไป หากจะใช้ความกล้าหาญทางจริยธรรมทำอย่างอื่น คือ ไปร่วมลงชื่อถอดถอนนายกฯ ที่องค์นักศึกษาธรรมศาสตร์ริเริ่ม นอกจากนั้นก็จะอยู่ในศีลธรรมและทำหนังสือทำมือแจกจ่ายออกไปเรื่อยๆ

Posted on BlagGang : 02 พฤษภาคม 2552