ความหลุดพ้นแห่งใจอันไม่กลับกำเริบ
ผู้แต่ง: กัญญา พาณิชย์กุล · กัญญา ลีลาลัย · ฤดี เริงชัย
เรื่องความหลุดพ้นแห่งใจอันไม่กลับกำเริบนี้ ดิฉันสรุปมาจาก
มหาสาโรปมสูตร และ จุฬสาโรปมสูตร
ปรากฏในพระไตรปิฎกเล่มที่ 12 พระสุตตันตปิฎก
มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
พระสูตรทั้งสองนี้เป็นอุปมาว่าด้วย “แก่นไม้”
เปรียบ ลาภ สักการะ ชื่อเสียง เหมือน กิ่งไม้ ใบไม้
เปรียบ ความสมบูรณ์ด้วยศีล เหมือน สะเก็ดไม้
เปรียบ ความสมบูรณ์ด้วยสมาธิ เหมือน เปลือกไม้
เปรียบ ญานทัสสนะ หรือปัญญา เหมือน กระพี้ไม้
เปรียบ ความหลุดพ้นแห่งใจอันไม่กลับกำเริบ เหมือน แก่นไม้
พระพุทธองค์ทรงอุปมาว่ากุลบุตรออกบวชเป็นภิกษุแล้ว
ภิกษุบางรูปได้ลาภ สักการะ ชื่อเสียง ก็พอใจ ยกตนข่มผู้อื่น เพราะลาภ สักการะ ชื่อเสียงนั้น เหมือนบุรุษที่แสวงหาแก่นไม้ แต่ได้กิ่งไม้ ใบไม้ไป
บางรูปไม่สนใจลาภ สักการะ ชื่อเสียง แต่ไปพอใจที่ความสมบูรณ์ของศีล
ยกตนข่มผู้อื่นเพราะความสมบูรณ์ของศีล เหมือนบุรุษที่แสวงหาแก่นไม้
แต่ได้สะเก็ดไม้ไป
บางรูป แม้ความสมบูรณ์ของศีลก็ยังไม่พอใจ แต่ไปพอใจที่ความสมบูรณ์ของสมาธิ
ยกตนข่มผู้อื่นเพราะความสมบูรณ์ของสมาธิ เหมือนบุรุษที่แสวงหาแก่นไม้
แต่ได้เปลือกไม้ไป
บางรูป แม้ความสมบูรณ์ของสมาธิก็ยังไม่พอใจ แต่ไปพอใจที่ได้ญานทัสสนะ
ยกตนข่มผู้อื่นเพราะได้ญานทัสสนะ เหมือนบุรุษที่แสวงหาแก่นไม้
แต่ได้กระพี้ไม้ไป
บางรูป แม้ญานทัสสนะยังไม่พอใจ แต่มุ่งทำอาสวะให้สิ้นไป
ใน จุฬสาโรปมสูตร พระพุทธองค์ตรัสกับปิงคลโกจฉพราหมณ์ว่า
“ด้วยประการฉะนี้แหละพราหมณ์
พรหมจรรย์นี้มิใช่มีลาภ สักการะ ชื่อเสียง เป็นอานิสงส์
มิใช่มีความสมบูรณ์ด้วยศีลเป็นอานิสงส์
มิใช่มีความสมบูรณ์ด้วยสมาธิเป็นอานิสงส์
มิใช่มีญานทัสสนะเป็นอานิสงส์
แต่ความหลุดพ้นแห่งใจอันไม่กลับกำเริบอันใด
พรหมจรรย์นี้มีความหลุดพ้นแห่งใจ
อันไม่กลับกำเริบนั่นแหละเป็นที่ต้องการ
นั้นเป็นแก่นสาร นั้นเป็นที่สุดโดยรอบ”
แต่ละตอนของการเปรียบเทียบแต่ละส่วนของต้นไม้
พระพุทธองค์ได้ทรงย้ำว่า
ถ้ายังยกตนข่มท่านอยู่ในความสำเร็จขั้นใด
ก็ยังจะติดอยู่ที่ความสำเร็จเพียงเท่านั้น
ต่อเมื่อไม่ยกตนข่มท่าน
จึงสามารถก้าวข้ามกิเลสที่ละเอียดขึ้นเรื่อยๆ
จนมาถึง ความหลุดพ้นแห่งใจอันไม่กลับกำเริบได้
ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านค่ะ
บุญรักษานะคะ
Posted on BlogGang : 09 สิงหาคม 2552