...กระจกเงา...
ผู้แต่ง: กัญญา พาณิชย์กุล · กัญญา ลีลาลัย · ฤดี เริงชัย
.......เรามองเห็นตัวเราสักเท่าไหร่
แม้ว่าอิงอาศัยกระจกส่อง
ใช้กระจกมากมายหลายด้านมอง
หรือใช้กล้องส่องขยายหลายเท่าตัว
.......เราย่อมเห็นร่างเราเพียงเท่านั้น
ตามที่มันปรากฏชัดถนัดทั่ว
อาจเห็นแม้หัวใจเต้นไหวรัว
รู้ได้ทั่วเลือดน้ำเหลืองจากเครื่องมือ
.......โดยอาศัยการมองส่องกระจก
เราอาจปกปรับแต่งแสดงสื่อ
สร้างภาพลักษณ์งามประเทืองจนเลื่องลือ
เพื่อสร้างชื่อเสียงสรรเสริญเกินหน้าคน
.......วิทยาการทันสมัยยุคใหม่นี้
ช่วยเราชี้สารพัดไม่ขัดสน
โครงกระดูกเซลล์น้อยใหญ่ในร่างตน
ถึงเกลียววน ดีเอ็นเอ ละเอียดลออ
โดยอาศัยเครื่องมือสื่อให้เห็น
เสมือนเป็นกระจกเงาให้เราหนอ
สิ่งเลวร้ายจึงอาจเลี่ยงได้เพียงพอ
สามารถยืดการถักทอต่อชีวัน
.......แต่ชีวิตด้านในให้ประหลาด
จิตศาสตร์จะวิจัยอย่างใดนั่น
เป็นแต่คาดคะเนไปไม่เท่าทัน
เพราะเรื่องใจเป็นอนันต์อเนกไกล
.......ความรู้สึกลึกซึ้งซึ่งเรียกรัก
ความตระหนักความอาทรความอ่อนไหว
ความอิจฉาความเหงาความเศร้าใจ
ความก้าวร้าวกระล่อนในไม่ซื่อตรง
ความอึดอัดขัดแย้งแข่งกันร้าย
ความหยาบคายความกลัดกลุ้มความลุ่มหลง
ความเขม่นเกลียดชังยั้งใจปลง
ความหวาดหวั่นความมั่นคงความปลงใจ
.......สารพัดความรู้สึกซึ่งละเอียด
ละไมเมียดละเอียดอ่อนสะท้อนใส่
บ้างรุนแรงปะทุคลั่งดังปืนไฟ
แล้วเปลี่ยนไประยิบรัวกลั้วอาบทา
.......เรามองเห็นตัวเราสักเท่าไหร่
ตัวที่อยู่ด้านในใช่ด้านหน้า
เราที่รู้ทุกข์สุขทุกเวลา
เราจะหากระจกไหนใช้มองดี
.......เราแน่ใจอย่างไรไม่เข้าข้าง
ไม่แก้ต่างให้แก่ตนจนผิดที่
เรามองเห็นอะไรในฤดี
ซึ่งอาจชี้ว่าจริงแท้พอแน่ใจ
.......เมื่ออาศัยใจตนให้ค้นหา
จะพบว่าสติมองส่องที่ไหน
จะพบว่า “นี่หรือเรา”เศร้ากระไร
จะเข้าใจตัวตนอันวนเวียน
.......“เราเป็นใคร”ดูไม่อาจปรารถนา
ทั้งแปรปรวนหนักหนาพาคลื่นเหียน
เห็นแก่ตัวอ่อนแอแน่ใจเจียน
น่าติเตียนต่างต่างอย่างมากมาย
.......เมื่อมองเห็นสองด้านการปรากฏ
ย่อมสลดไม่อยากส่องมองหลากหลาย
แต่เห็นใจมนุษยชาติอันดาษดาย
เพราะเขาเราก็คล้ายคล้ายกันนี่เอง
จะเริ่มเห็นกระจกมองส่องบานใหม่
ที่เคยไขตัวเราแต่เก่าเก่ง
คือสังคมภายนอกบอกบรรเลง
ซึ่งแซ่เซ่งพูดถึงเรามานมนาน
.......เขาย่อมเห็นตัวเราเท่าที่เห็น
จึงเก็บรับจับประเด็นมาเล่าขาน
นอกเหนือจากการบอกกล่าวเล่าตามการณ์
ก็ยังผ่านจริตเขาเดากันไป
.......พวกเขาเป็นกระจกเงาของเรานี่
ย่อมต้องมีเบี้ยวบิดผิดไถล
ยามสะท้อนสวยเกินจริงยิ่งถูกใจ
ยามภาพให้อัปลักษณ์ชักโกรธา
.......กระจกใจของเรายังเศร้าหมอง
กระจกส่องของผู้อื่นใยขื่นหา
จะเค้นเอาภาพประหลาดสวยบาดตา
ชอบสรรเสริญชังนินทาช่างกระไร
คนทุกข์เพราะติดสรรเสริญเกินไปหนัก
พอตกหนักถูกนินทาพาไถล
กระจกหนอช่างแต่งวาดจนบาดใจ
บ้างสวยใสบ้างเบี้ยวบิดเป็นบ้าบอ
.......กระจกใจของเราเฝ้าสังเกต
ความสัมพันธ์สะท้อนเจตน์เราได้หนอ
กระจกส่องกันและกันมั่นใจพอ
ประกอบก่อให้รู้จักตระหนักตน
จะพบความพอดีในที่สุด
สิ่งสมมุติเลิกยึดถือหรือฉงน
มีกระจกส่องใจไม่กังวล
สะท้อนจากทั้งใจตนและคนมอง
Posted on BlogGang : 30 พฤษภาคม 2552