พระพุทธเจ้า สังคารวมาณพ กับการสนทนาเรื่องเทวดา
ผู้แต่ง: กัญญา พาณิชย์กุล · กัญญา ลีลาลัย · ฤดี เริงชัย
คำสนทนาว่าด้วยเรื่องของเทวดานี้
ปรากฏในพระไตรปิฎกเล่มที่ 13
พราหมณ์วรรค สังคารวสูตร
ในสังคารวสูตรกล่าวถึงเหตุการณ์เมื่อพระพุทธองค์เสด็จจาริกแคว้นโกศล
ครั้งนั้นนางพราหมณีชื่อธนัญชานี อาศัยอยู่ในหมู่บ้านปัจจลกัปปะ เป็นผู้เลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ เมื่อนางพลั้งพลาดอะไรก็ตาม เป็นอันจะต้องเปล่งคำอุทานขึ้น 3 ครั้งว่า
“นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ”ทุกครั้งไป
จนทำให้สังคารวมาณพซึ่งเป็นพราหมณ์ผู้คงแก่เรียนคนหนึ่งขัดใจจนอดรนทนไม่ได้ ต้องด่าว่านางธนัญชานี ว่าไม่เป็นมงคล เป็นคนฉิบหาย พราหมณ์ผู้ทรงไตรเพทมีอยู่มากมายไม่สรรเสริญ กลับไปสรรเสริญสมณะหัวโล้น
นางธนัญชานี ตอบกลับไปเรียบๆ ว่า
“ถ้าเธอรู้จักศีลและปัญญาของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นดี เธอจะไม่สำคัญพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นว่า ควรถูกด่า ควรถูกบริภาษเลย”
สังคารวมาณพอยากพิสูจน์ความจริง จึงขอให้นางธนัญชานีช่วยบอก หากพระพุทธองค์เสด็จมาถึงหมู่บ้านปัจจลกัปปะ
เมื่อนางธนัญชานีได้ข่าวพระองค์เสด็จมาจึงรีบไปบอก สังคารวมาณพ
สังคารวมาณพรีบไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ทูลถามว่าพระพุทธองค์จัดอยู่ในจำพวกไหนในหมู่สมณพราหมณ์ผู้ปฏิญญา(ประกาศตน)ว่าบรรลุธรรมสูงสุด คือบรรลุพรหมจรรย์แล้ว
พระพุทธองค์ได้ทรงจำแนกสมณพราหมณ์หลายจำพวกให้เขาฟัง
ว่าบางพวกปฏิญญาเพราะฟังตามกันมา เช่น พวกพราหมณ์ผู้รู้ไตรเพท
บางพวกปฏิญญาเพราะความเชื่อ เช่น พวกนักตรรกะ นักอภิปรัชญา
ส่วนพระองค์ปฏิญญาเพราะรู้ธรรมด้วยปัญญาในธรรมที่ไม่เคยฟังมาก่อน และได้เล่าประวัติการแสวงธรรมของพระองค์ตามลำดับ
เมื่อได้ฟังดังนั้นสังคารวมาณพจึงยอมรับว่าพระพุทธองค์ทรงมีความเพียรของสัตบุรุษ สมควรเป็นพระพุทธเจ้า
แต่ในการบอกเล่าของพระพุทธองค์ได้กล่าวถึงเทวดาไว้หลายตอน
สังคารรวมาณพ แต่ยังไม่เข้าใจเรื่องที่ตรัสเล่าเกี่ยวกับเทวดา ว่าเป็นเพราะทรงทราบหรือเพราะอะไร จึงทูลถามว่า
"เทวดามีจริงหรือไม่"
เมื่อพระพุทธองค์ตรัสตอบว่า
“เทวดามีนั้น รู้ได้โดยฐานะ”
สังคารวมาณพแย้งว่า
"การตอบเช่นนั้นอาจเป็นคำพูดที่ว่างเปล่าหรืออาจกล่าวเท็จก็ได้"
พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า
“ผู้ใดเมื่อถูกถามว่า “เทวดามีอยู่หรือ”
จะพึงตอบว่า “ข้อที่ว่าเทวดามีอยู่นั้น รู้กันได้โดยฐานะ”
ผู้นั้นก็เท่ากับกล่าวว่า “เรารู้จักเทวดา”
เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านผู้รู้ก็เข้าใจในเรื่องนี้ได้ว่า
“เทวดามีอยู่” โดยแน่แท้”
สังคารวมาณพจึงทูลถามว่า
"ทำไมพระองค์จึงไม่ทรงตอบให้ชัดเจนเสียแต่แรก"
พระพุทธองค์จึงตรัสตอบว่า
“ข้อที่ว่าเทวดามีอยู่นั้น เขาสมมติกันในโลก ด้วยคำศัพท์ที่สูง”
เมื่อได้ยินดังนี้ สังคารวมาณพจึงประกาศตนเป็นอุบาสก
ขอถึงพระพุทธองค์พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะชั่วชีวิต
ดิฉันเห็นว่าสังคารวมาณพนั้นเป็นผู้รู้คนหนึ่ง จึงใคร่ครวญตามคำบอกเล่าของพระพุทธองค์ได้โดยตลอด ยกเว้นเรื่องเทวดา ซึ่งครั้งแรกเขาคิดว่าคำตอบของพระพุทธองค์กำกวมมาก แต่หลังจากที่พระพุทธองค์ยืนยันว่า เทวดามีอยู่ หากแต่ผู้ที่สามารถรับรู้การมีอยู่ของเทวดาได้นั้น จะต้องมีความรับรู้และคุณภาพทางจิตใจในระดับสูง จึงสามารถสัมผัสหรือสื่อกับ “เทวดา”ได้
คำว่า “เทวดา”ที่พระพุทธองค์ตรัสนั้น พระองค์ได้หยิบยืมเอาคำศัพท์ที่ชาวโลกสมมติกันมาใช้เพื่ออธิบายสภาวธรรมเกี่ยวกับโลกเหนือธรรมชาติที่ปรากฎขึ้นในประสบการณ์ตรงของพระพุทธองค์ ดังนั้น คำตอบที่ดูเหมือนกำกวมของพระพุทธองค์แท้จริงแล้วกลับเป็นคำตอบที่ตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง เพียงแต่ว่าสังคารวมาณพพูดกับพระพุทธองค์ด้วย “ภาษาคน” แต่พระพุทธองค์ตอบเขาด้วย “ภาษาธรรม” ที่หยิบยืมเอาคำศัพท์ในภาษาคนมาใช้โต้ตอบเท่านั้น
Posted on BlogGang : 28 กรกฎาคม 2552