ทำหนังสือขึ้นมาบูชาพระ

ทำหนังสือขึ้นมาบูชาพระ

ผู้แต่ง: กัญญา พาณิชย์กุล · กัญญา ลีลาลัย · ฤดี เริงชัย

ทำหนังสือขึ้นมาบูชาพระ
ใกล้ถึงวันมาฆะแล้วนะเจ้า
โลกช่างเป็นยุคกลีมิมีเบา
ไฟโลกันต์แผดเผาเราทุกวัน
ถ้าไม่มีธรรมะระรินอยู่
จากสงฆ์ผู้สืบธรรมนำหฤหรรษ์
คงไม่มีความร่มเย็นเป็นอนันต์
ซึ่งกางกั้นเปลวกิเลสเหตุของไฟ
ประวัติศาสตร์ความรุนแรงแห่งมนุษย์
ไม่เคยหยุดผุดแทรกชำแรกไล่
จากหน่อเนื้อเชื้อกิเลสอาเพศภัย
ซึ่งเติบใหญ่ไปต่างต่างอย่างน่ากลัว
ยิ่งผู้นำทำการกาลกิณี
ยิ่งเปราะบางเต็มที่ระเบิดทั่ว
ยิ่งใช้เล่ห์เพื่อปกครองยิ่งหมองมัว
ย่อมยิ่งยั่วการลุกสู้ของผู้คน

คนเล็กมักสู้ด้วยซื่อด้วยมือเปล่า
มักเผชิญความเจ็บร้าวเศร้าสับสน
ด้วยอำนาจรัฐอาจเบือนเฉือนผู้คน
ซึ่งมีเพียงตัวตนใช้ต้านทาน
ในวันรุ่งพรุ่งนี้มีการนัด
เขาจะจัดชุมนุมใหญ่ไปส่งสาร
จะกดดันเปลี่ยนผลัดรัฐบาล
ซึ่งทำงานประโยชน์เอาเข้ากลุ่มตน
เราพินิจพิศดูการสู้รบ
ใช่เจนจบเรื่องรบพุ่งยุ่งสับสน
แต่เมื่อสบกับใจจึงใช้ยล
จะเข้าร่วมหรือหลีกพ้นตนต้องรู้
กระแสสายข่ายเครือเมื่อขยับ
ย่อมสดับเห็นผู้คนปะปนอยู่
ต่างจริตต่างประโยชน์โปรดตรองดู
ต่างร่วมสู้เพราะเห็นร่วมต้องรวมกัน

แล้วจัดทัพจัดแถวเกิดแนวร่วม
ก่อหลวมหลวมแล้วรวมใหม่ขมีขมัน
“ปรากฎการณ์สนธิ”ที่มีมานั้น
เป็นหัวหมู่ทะลวงฟันเท่านั้นเอง
เป็นเพียงไพ่หนึ่งใบในสำรับ
ซึ่งขยับขับเคลื่อนเชือดเฉือนเก่ง
เป็นเพียงไพ่ใบแรกแตกบรรเลง
เพียงบทเพลงบทหนึ่งซึ่งกังวาน
ยังมีไพ่อีกหลายใบในสำรับ
อาจปุบปับเปิดให้เห็นขุมทหาร
เพราะสมดุลในสังคมที่ล้มราน
จึงช้างสารต้องชนกันชวนหวั่นใจ
คิดเป็นห่วงแต่มวลชนคนใสซื่อ
ผู้ยึดถือความดีงามที่หลามไหล
ซึ่งพันผูกความถูกต้องของคนไทย
อันเคลื่อนไปเป็นส่วนหนึ่งซึ่งผจญ

ไม่คิดไปกับเขาเราทำอื่น
คือเร่งคืนตนสู่ธรรมนำเนื่องผล
ผู้ขับเคลื่อนหวังสำแดงแรงผองชน
ซึ่งคับข้องหมองกมลจนเต็มที
เรารู้สึกห่วงใยอยู่ไม่น้อย
แม้ไม่คล้อยตามไปในวิถี
เพราะเรื่องความรุนแรงนั้นแฝงมี
เป็นวิธีของรัฐพาลมานานแล้ว
เป็นวิธีทั่วไปในอำนาจ
ทรราชมักกรุยทางอย่างแน่แน่ว
ย่อมสะกดสกัดถนัดแนว
เตรียมดักแร้วสยบใส่ไม่แชเชือน
เราจึงบอกใครใครหากใจสู้
คิดกอบกู้โดยกายใจไม่แปดเปื้อน
ควรทำโดยเป็นไทใช้ใจเตือน
ให้ซื่อเหมือนสมณะพระโคดม

ขอให้ใจใสซื่อถือกำหนด
โดยคว่ำบาตรให้หมดพวกคดข่ม
คุณธรรมถ้าเรายอมให้จ่อมจม
พวกเขี้ยวคมย่อมยิ่งใหญ่อยู่ไม่วาย
เราสวดมนต์ไหว้พระมนัสน้อม
เก็บดอกหอมที่งามงามในยามสาย
ประณมมือบูชาพระไม่ละคลาย
สดับสายกระแสธรรมนำชีวี
เขายิ่งโกงเรายิ่งซื่อถือเป็นหลัก
เขาโลภนักเราสละละเต็มที่
เขาฟาดหัวคนด้วยเงินเดินด้วยดี
เราขยายข่ายคนมีศีลธรรม
พลังความดีงามตามที่เกิด
แม้กระทบการละเมิดยังใสฉ่ำ
เกิดพลังผุดภายในใจประจำ
แม้กระจายแต่จะค้ำเคลื่อนสังคม

ไม่คบพาลคบบัณฑิตจิตสะอาด
ทุจริตวิปลาสจะแหลกล่ม
เริ่มจากตนสู่รอบตัวไม่กลั้วตม
ไม่สะสมของโจรใครปล้นมา
ไม่ติดต่อคบค้ากับคนโฉด
ไม่เสียดายประโยชน์ที่มีกังขา
ไม่ค้อมหัวถวายให้ใครบัญชา
ไม่อายฟ้าอายดินเพราะกินโกง
ขอให้ทำให้จริงทุกสิ่งสิ้น
อยู่ในศีลผ่องใสจิตใจโล่ง
จะกระทบเคลื่อนไปเป็นข่ายโยง
ทุกยามโมงทำตลอดไม่ทอดทิ้ง
จะพบแหล่งพลังดังอาทิตย์
ซึ่งเปล่งแสงแรงฤทธิ์เป็นอย่างยิ่ง
เพราะมีแสงในตนเองเปล่งเป็นจริง
ใช่เพียงสิ่งสะท้องแสงแรงพลัง

จะพบตาน้ำในใจสะอาด
เหลือเดาคาดธารใสที่ไหลหลั่ง
แม้เป็นเพียงคนเล็กเร้นไม่เด่นดัง
ก็อาจยั้งหยุดเหตุร้ายได้โดยดี
ทำไปตามเหตุปัจจัยโดยใสซื่อ
ทำเพื่อวางใช่ยึดถือคือวิถี
ทำโดยคนหมู่มากหลากวิธี
ทำโดยมีคุณธรรมที่นำพา
ทำไปตามอัตภาพตราบใจมั่น
ทำแต่สิ่งสร้างสรรค์นั่นแหละหนา
ทำเช่นนั้นทุกสถานกาลเวลา
จริยาจะนำทางสร้างสังคม
ทำหนังสือขึ้นมาบูชาพระ
เพื่อเตรียมตระเตรียมใจให้เหมาะสม
ทุกขณะจิตผัสสากับอารมณ์
เราจะข่มกิเลสร้ายให้คลายไป

เรื่องของความรุนแรงแห่งมนุษย์
ซึ่งไม่หยุดก่อเหตุอาเพศใหญ่
เราพบผ่านมามากนักจนปักใจ
ว่าอภัยต่อกันนั่นแหละดี
เพราะต่อให้ฆ่าฟันกันเลือดกลบ
ข้ามชาติภพล้างพันธุ์ เผ่าเอาเป็นผี
แต่ที่สุดยุติธรรมที่กรรมดี
จึงสิ้นมีเวรภัยไม่วนเวียน
อันกรรมของคนกลุ่มหนึ่งซึ่งก่อกอบ
จนระบอบสังคมไทยไร้เสถียร
สังคมควรจำจดเป็นบทเรียน
เพื่อปรับเปลี่ยนกลไกในสังคม
พลังของปัจเจกชนคนเล็กน้อย
อาจต่ำต้อยบางเบาเท่าเส้นผม
แต่หากเปี่ยมเมตตาเหมือนว่าพรหม
ย่อมสร้างสมสมดุลใหม่ในทางธรรม

เพียงหยุดยั้งการเลือกแต่เปลือกนอก
โดยเริ่มลอกจากตนเองไม่เพ่งพร่ำ
มีศีลสัตย์ไม่คบพาลผ่านกระทำ
ตัดโอกาสด้านมืดดำจากตัวเรา
นี่คือความหาญกล้ากว่าท้ารบ
เป็นจุดจบพวกมั่นมาดที่ขลาดเขลา
เป็นพลังอิงเอื้ออย่างเหลือเดา
เกิดโดยเบ้าหลอมใจในทางดี
เป็นประจักษ์พยานความหาญกล้า
อันเกิดจากจริยาธรรมถ้วนถี่
เป็นอหิงสธรรมนำวิธี
ซึ่งมากมีหลากหลายกระจายตัว
ใครจะอยู่ที่ใดทำได้หมด
อำนาจใดยากกำหนดหรือกดหัว
เป็นเครือข่ายพรายผ่องไม่หมองมัว
เพียงธารธรรมรินไหลทั่วทั้งสังคม

3-4 กุมภาพันธ์ 2549

บันทึกท้ายบท
หลัง “การเมืองไทยรายสัปดาห์”ของคุณสนธิถูกปิด จึงเคลื่อนย้ายไปจัด
สัญจรที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และ
ต่อมาที่สวนลุมพินี ดูจากประเด็นต่างๆ ที่
คุณสนธิยกขึ้นมาวิพากษ์คุณทักษิณแล้ว
ดิฉันเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก ต่อมามีคน
ในวงการต่างๆ เข้าร่วมมากขึ้น ดิฉันเฝ้า
มองเหตุการณ์นี้ด้วยใจวิตก เกรงเกิดความ
รุนแรงซ้ำขึ้นในสังคมไทย จึงเขียนกลอน
โดยมุ่งเตือนให้เด็กๆ รุ่นน้องๆ หรือรุ่นลูก
หลานเข้าใจสถานการณ์โดยรวม ดิฉันไม่
คิดห้ามใครไปชุมนุม เพียงแต่ใครจะไปขอ
ให้นำความห่วงใยของดิฉันติดตัวไปด้วย
และตั้งอยู่ในความไม่ประมาท หากเกิด
เหตุร้ายต้องดูแลตนเองและคนใกล้เคียงให้
ดี ให้ช่วยเหลือกันให้มากที่สุด

Posted on BlogGang: 02 พฤษภาคม 2552