ทิพย์ธารแห่งใจ ในไฟสงคราม
ทิพย์ธารแห่งใจ ในไฟสงคราม
ผู้แต่ง: กัญญา พาณิชย์กุล · กัญญา ลีลาลัย · ฤดี เริงชัย
.....ทางข้างหน้าหนทางอาจว่างเปล่า
แดดจะเผาผิวผ่องเธอหมองไหม้
ทะเลทรายขยายตัวอยู่ทั่วไป
และเปลวไฟแห่งสงครามยังลามลุก
แต่ถ้าใจเธอนี้ยังมีร่ม
ธรรมะบ่มจิตใจให้เป็นสุข
กำหนดรู้เข้าใจในเรื่องทุกข์
เธอจะไม่ไหม้สุกในเหตุนั้น
เพราะสติรักษาใจเธอไว้นิ่ง
กระทบสิ่งใดใดอาจไหวหวั่น
แต่เนื่องด้วยดวงใจเจ้ารู้เท่าทัน
จึงไม่ผันเคลื่อนตามไปในสิ่งกระทบ
สมาธิจะช่วยให้ใจตั้งมั่น
ความไหวหวั่นค่อยงันนิ่งสู่สิ่งสงบ
ตาภายในกระจ่างพลันโดยครันครบ
ธารทิพย์ใจไหลบรรจบพบนอก-ใน
เมื่อใจเย็นเป็นไปโดยธรรมชาติ
น้ำสะอาดจากเมตตาจะเรื่อยไหล
พรหมวิหารแห่งธรรมประจำใจ
จะช่วยให้โลกเย็นเป็นธรรมดา
น้ำพุแห่งชีวิตนี้มีฤทธิ์ลึก
จะหล่อเลี้ยงสร้างไพรพฤกษ์ล้วนพฤกษา
ใจต่อใจสร้างร่มไม้สร้างชายคา
นี่แหละหนา...จึงขอเป็นเช่นพืชพรรณ
........*..
หมายเหตุ
กลอน “ทิพย์ธารแห่งใจ ในไฟสงคราม” นี้ทั้งมีที่มาและงอกงามขึ้นจากกาพย์ยานี ที่ดิฉันเคยเขียนไว้ในชื่อ “ขอเป็นเช่นพืชพรรณ” เพราะสิ่งต่างๆ ย่อมมีที่มาที่ไป
ดิฉันเองก็เช่นกัน เวลาที่ดิฉันทุกข์ใจ รู้สึกบอบช้ำ ดิฉันมักรู้สึกอยากกลับเป็นเด็ก ซึ่งในเวลานั้น ดิฉันก็จะพยายามเข้าไปอยู่ในแมกไม้ เพราะสำหรับดิฉันแล้ว พืชเป็นญาติผู้ใหญ่ของมนุษย์เรา และสรรพสัตว์ก็เป็นพี่น้องของเรา จึงอยากคืนกลับเข้าสู่อ้อมแขนของธรรมชาติ
การเข้าไปอยู่ในแมกไม้ จะด้วยการเข้าไปรดน้ำพรวนดิน หรือเดินจงกรมก็ตาม ดิฉันได้ค่อยๆ ซึมซับ ถึงวิธีการดำเนินชีวิตแบบพืชพรรณ ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้ใจตั้งมั่นอย่างประหลาด
กาพย์บทหนึ่งจึงหลั่งไหลออกมาดังนี้..
.....ขอเป็นเช่นพืชพรรณ
ใครทอนบั่นยิ่งเติบใหญ่
เติบโตจากภายใน
ด้วยพึ่งตนได้เป็นจริง
.....ขอเป็นเช่นพืชพรรณ
ซึ่งรังสรรค์ละออยิ่ง
ลมฟ้าอาศัยอิง
ออกซิเจนเธอให้มา
.....ขอเป็นเช่นพืชพรรณ
ซึ่งแบ่งปันหลากชีวา
สังเคราะห์อาหารพา
ชีวาลัยชื่นทั้งมวล
.....ขอเป็นเช่นพืชพรรณ
อัศจรรย์จนพลันสรวล
เพียงแผ่กระแสทวน
โดยสันติซึ่งผลิบาน
.....ขอเป็นเช่นพืชพรรณ
ทุกคืนวันคอยเจือจาน
ไม่โต้แม้ใครราน
มุ่งสานแผ่แต่สิ่งดี
.....ขอเป็นเช่นพืชพรรณ
ผู้สร้างสรรค์ปฐพี
งันเงียบไร้วจี
หลั่งทิพย์ที่มิรู้ประมาณ
.........
จากกาพย์บทนี้ นำให้ดิฉันเขียนกระทู้ในห้องศาสนา และการแลกเปลี่ยนกับเพื่อนสมาชิก ทำให้เกิดกลอนใหม่ในบล็อกนี้ “ทิพย์ธารแห่งใจ ในไฟสงคราม” ธรรมรักษาและอยู่เย็นเป็นสุขทุกท่านนะคะ
Posted on BlogGang : 03 พฤศจิกายน 2552
หมายเหตุเพิ่มเติม วันที่: 1 มิถุนายน 2553
กลอนบทนี้ต่อมาได้เปลี่ยนบทท้ายดังนี้
แต่ก็ใช่ยืนอยู่เยี่ยงไร้เสียงสิทธิ์
เพียงแต่ยืนอย่างสุจริตเสมอหน้า
อันธพาลหัวโขนใดโหมไฟมา
เราจะสาดน้ำรักษาสังคมเรา
เขียนและขึ้นกระทู้ช่วงปลายเดือนมีนาคม 2553 ในห้องศาสนา ห้องไร้สังกัด และห้องราชดำเนิน เพื่อเปรียบเทียบผลการรับรู้ของผู้อ่าน
ผลคือ —
ห้องศาสนาและไร้สังกัดได้รับการตอบรับอย่างดี ส่วนห้องราชดำเนินได้รับการตอบโต้อย่างหนัก ทั้งที่ไม่ได้ระบุเลยว่า “อันธพาล” คือใคร เพียงชี้ว่า ไม่ว่าผู้ใด หากมีพฤติกรรมเป็นพาล เราต้องใช้ธรรมะเข้าสู้
กระทู้เหล่านั้นบัดนี้หายไปหมดแล้ว จึงมาบันทึกไว้ในบล็อกตนเองกันลืมค่ะ