เดินหลายเส้นทาง ก้าวอย่างสันติ
เดินหลายเส้นทาง ก้าวอย่างสันติ
ผู้แต่ง: กัญญา พาณิชย์กุล · กัญญา ลีลาลัย · ฤดี เริงชัย
วันนี้ปีบไหหนานบานสะพรั่ง
หอมจนตกภวังค์อยู่ครู่หนึ่ง
ความเบิกบานเยี่ยมเยือนจนเตือนตรึง
ธรรมชาติอันลึกซึ้งรายรอบตัว
หลุดจากความว้าวุ่นซึ่งหมุนจี๋
กระทบถี่จากข่าวสารเสียดใส่หัว
ช่วงเวลาหลายเดือนนี้ที่ฟ้ามัว
พายุร้ายก่อตัวโถมถั่งมา
เพราะถือศีลทำให้เราไม่เอาพาล
แม้เป็นรัฐบาลก็เมินหน้า
ไม่เคยแคร์ใครจะใหญ่จากไหนมา
คำพระสอนเราว่าอย่าคบพาล
ครั้งประชาธิปัตย์มัดตราสังข์
ส่งประเทศให้ฝรั่งเราจึงต้าน
ออกกฎหมายขายชาติอนาถนาน
เราร้าวรานสงสารชาติขอคลาดแคล้ว
ไทยรักไทยใช้เงินเดินแนวร่วม
ศิษย์หลวงตาผนึกรวมอย่างแน่แน่ว
ส่วนตัวเราเศร้าใจไม่เห็นแนว
เพราะเห็นแถวของปัญหาสารพัน
เราเก็บตัวปลีกวิเวกอุเบกขา
ไทยรักไทยกลบปัญหากว่าสร้างสรรค์
ผลักหนี้รัฐสู่รากหญ้าทั่วหน้ากัน
ใช้เงินผันกระตุ้นระบบตบให้ฟู
ทั้งสังคมนิยมนักกับทักษิณ
เรายลยินประจักษ์ใจไม่แปลกหู
เพียงสงวนส่วนต่างอย่างคำครู
ของพระผู้มีพระภาค “ไม่คบพาล”
เขาเติบโตมาอย่างไรคบได้หรือ
เขากระพือหุ้นแต่ไหนเกินไขขาน
ตั้งแต่ช่วง “พฤษภาฯ”ทำมานาน
ก่อนคืบคลานเข้ายึดพรรคของนักบุญ
พลังธรรมสิ้นชีพถึงลีบฝ่อ
เขากอบก่อไทยรักไทยหมายกินขุน
ระดมนักวิชาการทุกด้านจุน
ขายความหวังว่าจะหมุนเคลื่อนสังคม
โดย “คิดใหม่ ทำใหม่” ขายเป็นชุด
กลยุทธแต่งหน้าสวยด้วยขนม
นำคนดีที่ประชาพานิยม
ดึงระดมวางจัดรัฐบาล
แล้วเลื่อยขาทีละกลุ่มคนรุมล้อม
ใครไม่ยอมกดลงไปไม่ให้ผ่าน
ใครทำงานจริงจังเป็นกังวาน
ก็ถูกผลาญเพราะเกรงแข่งแซงบารมี
ฆ่าตัดตอนงานถนัดรัฐสยอง
ศพก่ายกองกรรมวิบากเหลือลากหนี
แก้ปัญหาโดยฆ่าฟันบั่นชีวี
มิคสัญญีเป็นหย่อมหย่อมย่อมสะพรึง
หอมกลิ่นปีปไหหนานที่บานฉ่ำ
ทั้งหอมร่ำเล็บมือนางอย่างทั่วถึง
รสสุคนธ์เอื้องคำพารำพึง
เราคำนึงต่อไปได้ทบทวน
กลิ่นดอกไม้คลายผ่อนความร้อนอก
แต่กระนั้นพลันตระหนกยามคิดหวน
ตรองอดีตสังคมไทยในกระบวน
ผ่านมาล้วนบอบช้ำ..เออ...ทำไม
เรามองเห็นความเป็นไปได้ไม่ยาก
เห็นวิบากของสังคมสะสมใส่
เห็นกิเลสบันดาลดลก่อกลไก
กิเลสใคร? กิเลสร่วมรวมรวมกัน
การรวมศูนย์อำนาจถือบาตรใหญ่
นั่นแหละไฟโทโสอันโมหัน
เรานิ่งเฉยละวางถือช่างมัน
ใจเรานั้นก็มืดมนและหมองมัว
หัวใจฉันก็มืดหม่นจนใจยิ่ง
หันหาสิ่งสงบใสไม่ทำชั่ว
แต่ทุกครั้งมองชาติไทยใจหวั่นกลัว
แสนสลัวไม่ผ่องใสไปทุกที
จึงลุกขึ้นเขียนหนังสือขึ้นสื่อสาร
อาศัยธารแห่งธรรมนำวิถี
เพื่อกระตุ้นเร่งขยายข่ายคนดี
ตามอัตภาพที่ฉันมีเรื่อยเรื่อยไป
จนกระทั่งสถานการณ์เกิดผ่านเปลี่ยน
ฉันไม่คิดเข้าสังเวียน ณ หนไหน
ทำหนังสือทำมือสื่อออกไป
ด้วยห่วงใยจากใจจริงทุกสิ่งอัน
เพื่อนชวนไปเข้ากลุ่มชุมนุมจัด
ฉันบอกปัดเต็มเสียงเพื่อนเสียงลั่น
“เธอเป็นกลางตกขอบ” ฉันตอบพลัน
“ฉันรู้ฉัน ทำอะไร ใจยังงาม”
อีกฝ่ายพวกปักหลักรักทักษิณ
พอได้ยินกลอนของฉันเสียงลั่นถาม
“ธรรมะเธอเลือกฝ่ายนี่” พร้อมห้ามปราม
พอคุยได้ฝ่ายที่สามสันติชน
สันติชนยังแบ่งฝ่ายอีกหลายกลุ่ม
บ้างกลัดกลุ้มเรื่องอะไรฉันไม่สน
ขอแต่ให้ไม่กระทบสบกับตน
แต่บางฝ่ายในกมลกลัวรุนแรง
สังคมไทยสังคมที่รวมอำนาจ
เคยชินกับการพิฆาตจนร่องแร่ง
สิทธิตามรัฐธรรมนูญมีแสดง
แต่อำนาจอุบาทว์แฝงจนคนกลัว
บ้างก็รักทักษิณ “ถึงกินบ้าง
แต่เขาสร้างอะไรใหม่ใหม่ทั่ว”
เรื่องตื้นลึกพอฉันเล่าเขากลับตัว
บางคนหัวขนลุกด้วยตกใจ
ยิ่งนับวันสันติชนคนยิ่งมาก
ที่ไม่อยากไปชุมนุมด้วยหวาดไหว
ฉันก็บอกดูทางเน็ตช่วยเอ็ดไป
เพิ่มช่องทางสื่อสารให้ผู้ชุมนุม
“เครียดหรือไม่”ใครคนหนึ่งซึ่งห่วงฉัน
“ใจฉันนั้นสงบดีมิกลัดกลุ้ม
มีสัมมาทิฎฐิสติคุม”
เงามืดเคยรายรุมกลับเลือนลาง
นี่ก็เป็นธรรมดาสภาวะ
ทดสอบละเลิกกิเลสเหตุต่างต่าง
เส้นทางฉันเป็นหนึ่งในหลายเส้นทาง
ที่ก้าวย่างอย่างสันติโดยธรรมา
ขอสันติภาวะระรินหลั่ง
นำพลังดีงามใสไหลอาบหล้า
หนังสือนี้ขอพลีเป็นพุทธบูชา
และเดินหน้าตราบสิ้นใจในธงธรรม
13-14 มีนาคม 2549
Posted on BlogGang : 02 พฤษภาคม 2552