ความรุนแรง กับ กิเลสมวลรวมของสังคมไทย

ความรุนแรง กับ กิเลสมวลรวมของสังคมไทย

ผู้แต่ง: กัญญา พาณิชย์กุล · กัญญา ลีลาลัย · ฤดี เริงชัย

พุทธวัจนะกล่าวไว้ว่า

"ไฟเสมอด้วยโลภะไม่มี
โทษเสมอด้วยโทสะไม่มี
กับดักเสมอด้วยโมหะไม่มี
แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี"

โลภะ โทสะ โมหะ นั่นแหละ
ที่พาเรา-ท่านหมุนคว้างไปในวงวัฏฏ์

สังคมยังคงเคลื่อนไปด้วยแรงเสียดทานอันสูง
ธงสันติวิธีโบกสะบัดทุกฟากฝั่ง
แต่การก่อวินาศกรรมยังมีไม่เว้นแต่ละวัน
แรงสะเทือนเหล่านี้กระทบและกดดันจิตใจผู้คนไม่เว้นวัน


ความรุนแรงคืออะไรหนอ...

กล่าวในทางวัตถุ ในโลกธรรมชาติ
และในสังคมมนุษย์
ความรุนแรงเป็นความแปรปรวน
เป็นความไม่ลงตัวของธรรมชาติ
เป็นการเปลี่ยนสถานะอะไรที่ใหญ่มากๆ
จนกลายมาเป็นภัยธรรมชาติและภัยพิบัติต่างๆ
ทั้งจากธรรมชาติเอง และจากน้ำมือมนุษย์

ความไม่สมดุลเป็นบ่อเกิดของความรุนแรง
ลมพัดอ่อนๆ ช่างเย็นสบาย
ระดับความเร็วสูงขึ้นเป็นพายุ ก่อความเสียหาย
อุณหภูมิจุดที่เหมาะสม ช่างแสนสบาย
อุณหภูมิที่หนาวเย็นหรือร้อนรุนแรงเกินไป
อาจทำอันตรายถึงชีวิต
การกระทบสัมผัสแผ่วเบา นุ่มนวล ช่างแสนอบอุ่น
การทุบตีทิ่มแทงเป็นการทำร้ายทารุณ
รุนแรงกว่านั้นอาจถึงแก่ชีวิต


สันติวิธี คือ การไม่ใช้ความรุนแรง

ต้องทำด้วยน้ำใสใจจริง

ต่อตนเองต้องมี พรหมวิหารธรรม
คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา
ไม่มีสิ่งนี้ในใจตน ก็ไม่มีปฏิบัติการเป็นจริง

ต่อคนอื่นต้องมี ฆราวาสธรรม
คือ สัจจะ ทมะ ขันติ และจาคะ
จึงจะแผ่พรหมวิหารธรรมนั้นไปสู่ผู้อื่นได้


ในการมีชีวิต
เราต้องหายใจเข้า หายใจออก
เราต้องหลับ ต้องตื่น
ชีวิตเคลื่อนไปเป็นจังหวะ
จังหวะที่จำต้องสอดประสานกับธรรมชาติและสังคม
ถ้าสมดุลและสอดประสานได้มาก ก็สงบได้มาก รื่นรมย์ได้มาก

เมื่อผู้คนแบ่งเป็นฝักฝ่าย
ขับเคลื่อนเข้ากระทบ กดดันและเสียดทานกัน
ด้วยจังหวะและลีลาที่แตกต่างกัน

ต่างฝ่ายต่างประกาศสันติวิธี
แต่สังคมยังคงรู้สึกถูกคุกคามด้วยความรุนแรง

การเรียกร้องให้ทุกฝ่ายไม่ใช้ความรุนแรงจึงดังกระหึ่ม
สะท้อนถึงจิตใจใฝ่สันติของผู้คนจำนวนมาก
ผู้คนที่เป็นคนส่วนใหญ่ในแผ่นดิน

สังคมที่แตกร้าวออกเป็นเสี้ยวส่วน
หากขาดการชะลอจังหวะเข้าหากัน
การเชื่อมประสานก็ย่อมเป็นไปได้ยาก

แต่หากขาดพรหมวิหารธรรม
และขาดความจริงใจ
การเชื่อมประสานย่อมเป็นไปไม่ได้เลย

ทั้งหมดนี้จึงต้องมี ความจริงใจต่อกัน เป็นบรรทัดฐาน
และอย่าเรียกร้องต่อคนอื่นกันนักเลย
จงเรียกร้องตัวของเราเองกันก่อนเถิด

Posted on BlogGang : 23 มีนาคม 2553